✨เรื่องใหม่✨
✨เรื่องใหม่✨
ภาพรวมอย่างละเอียดเกี่ยวกับ หลักการแพทย์หยวนสือเตี่ยน (Yuan Shi Dian - YSD) หรือศาสตร์จุดปฐมเหตุ ซึ่งเป็นแนวคิดที่มองว่าความเจ็บป่วยเกิดจาก ภาวะกายเย็น และ ความติดขัดที่จุดปฐมเหตุ เป็นหลัก สารสกัดแรกนำเสนอการวิเคราะห์ที่ โต้แย้งคำเตือน เกี่ยวกับการบริโภคขิงจากมุมมองของการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยยืนยันว่าขิงคือ แหล่งพลังร้อน ที่สำคัญในการแก้ไขภาวะกายเย็น และอธิบายว่าอาการไม่พึงประสงค์จากการดื่มขิงคือ ภาวะร้อนหลอก ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการ กดจุดปฐมเหตุ และ ประคบร้อน ร่วมด้วย ส่วนสารสกัดที่สองอธิบายกรอบทฤษฎีของ YSD โดยนายแพทย์จางผู้ก่อตั้ง เน้นความแตกต่างระหว่าง อาการนามธรรม (เจิ้ง) กับ รูปลักษณะที่ผิดปกติ (จ้วง) ในการวินิจฉัยและการรักษา และเน้นย้ำว่าการแพทย์นี้ครอบคลุมทั้งการวินิจฉัย การรักษาด้วยการกดจุด และการดูแลสุขภาพผ่านการเติมพลังร้อนและการปรับปัจจัยชีวิต.
ดูเพิ่ม: 1. สรุปด้วยบทสนทนา 2. ต้นฉบับ
💢 *สรุปประเด็นในคลิป*
แหล่งข้อมูลเหล่านี้อธิบายวิธีการจัดการกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) โดยใช้หลักการของ การแพทย์หยวนสือเตี่ยน ซึ่งมองว่าอาการนี้เกิดจาก กายป่วย (การทำงานผิดปกติของร่างกาย) และการ ขาดพลังร้อน แทนที่จะเป็นเพียงการตีบแคบของทางเดินหายใจ โดยเน้นย้ำว่าการรักษาต้องรวมถึงการ กดนวดจุดปฐมเหตุ บริเวณศีรษะ คอ และหลังส่วนบน ควบคู่ไปกับการเพิ่ม แหล่งพลังร้อน ให้กับร่างกายผ่านการประคบอุ่น การดื่มน้ำขิงเข้มข้น และการใช้โคลนขิงผงเป็นหลัก แหล่งข้อมูลยังให้ แผนปฏิบัติรายวัน โดยละเอียดสำหรับผู้ที่มีอาการ รวมถึงข้อควรสังเกตและวิธีการประเมินผลรายสัปดาห์ การแพทย์หยวนสือเตี่ยนถือว่าการกดจุดเป็นวิธีการหลัก แต่จะเปลี่ยนไปเน้นการให้ความร้อนเป็นหลักหากอาการอ่อนเพลียรุนแรงหรือร่างกายขาดพลังร้อนมาก.
ดูเพิ่ม: 1. สรุปด้วยบทสนทนา 2. ต้นฉบับ
20251123
แหล่งข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของ บทเรียนออนไลน์ จากช่อง YouTube "YSDThailand" ซึ่งสอนโดยอาจารย์จางเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยเน้นไปที่ เทคนิคการกดนวดจุดปฐมเหตุบริเวณศีรษะ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และถือเป็นฉบับทางการที่สมบูรณ์ที่สุด เนื้อหาได้อธิบาย ตำแหน่งและขอบเขต ของจุดปฐมเหตุสำคัญสองส่วน คือ จุดปฐมเหตุหลังใบหู และ จุดปฐมเหตุใต้กระดูกท้ายทอย อย่างละเอียด การสาธิตยังรวมถึง ท่าทางและเครื่องมือ ที่ใช้ในการนวด ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ข้อศอก เพื่อให้ผู้เริ่มต้นเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ง่ายขึ้น จุดปฐมเหตุเหล่านี้มีความสำคัญในการรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับศีรษะ รวมถึงอาการชักกระตุกหรืออัมพาตครึ่งซีกด้วย
ดูเพิ่ม: 1. สรุปด้วยบทสนทนา 2. ต้นฉบับ
แหล่งข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนออนไลน์ที่จัดสอนโดย อาจารย์จาง ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2025 โดยเป็นการบรรยายเกี่ยวกับ เทคนิคการกดนวดจุดสำหรับอาการปวดท้องรุนแรง ในผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งอาจารย์จางได้ใช้กรณีศึกษาจริงของผู้ป่วยที่ประสบภาวะขาดพลังร้อนร่วมกับอาการปวดท้องรุนแรงมาอธิบายอย่างละเอียด การสอนนี้มุ่งเน้นไปที่วิธีการนวดที่ถูกต้อง เช่น การใช้ร่างกายลงน้ำหนักไปพร้อมกับแขน แทนที่จะใช้การกดทับแบบทั่วไป เพื่อให้แรงนวดเข้าถึงชั้นลึกได้อย่างนุ่มนวล และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ โคลนขิงผง ควบคู่กับการนวดจุดที่เจ็บอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พลังร้อนเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยเพื่อแก้ไขกายป่วยให้หายขาด ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการชั่วคราว นอกจากนี้ยังมีการเตือนเรื่องข้อควรระวังสำคัญ เช่น ไม่ควรขยายบริเวณการรักษา แต่ควรมุ่งเน้นไปที่จุดที่อาการรุนแรงที่สุดก่อน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับเวลาในการช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤตได้สำเร็จ
ดูเพิ่ม: 1. สรุปด้วยบทสนทนา 2. ต้นฉบับ
20251117
20251102 กรณีศึกษาการช่วยเหลือฉุกเฉินในภาวะพลังร้อนหมดสิ้น อาเจียนและท้องร่วง ปวดท้องรุนแรง
แหล่งข้อมูลจาก วิดีโอ YouTube ของช่อง YSDThailand เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ออนไลน์จากอาจารย์จาง โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการ ขาดพลังร้อนอย่างรุนแรง ซึ่งแสดงออกผ่านอาการ อาเจียน ท้องร่วง และปวดท้องอย่างรุนแรง เนื้อหาเป็นการนำเสนอ กรณีศึกษาจริง ที่อาจารย์จางได้พลิกสถานการณ์วิกฤตของผู้ป่วยให้พ้นจากอันตราย โดยเน้นวิธีการรักษาด้วยการ นวด กดจุด และการประคบร้อนด้วยขิงผง อย่างระมัดระวัง เพื่อให้ความร้อนจากภายนอกซึมซาบเข้าไป และยังมีการแนะนำการให้ผู้ป่วยจิบน้ำข้าวต้มหรือน้ำโสมอุ่น ๆ ทีละน้อย ทั้งนี้ ผู้สอนยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจเทคนิคที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการของผู้ป่วยทรุดลงจากวิธีการนวดที่ไม่เหมาะสม.
20251104
แหล่งข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกการสอนออนไลน์ของนายแพทย์จางจากช่อง YouTube "YSDThailand" ในหัวข้อเทคนิคการนวดกดจุดปฐมเหตุ ซึ่งนายแพทย์จางนำเสนอเทคนิคการกดนวดล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงให้เรียบง่ายและประหยัดแรงยิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทางการกดนวดที่ ไม่จำเป็นต้องย่อตัวลงอีกต่อไป และแนะนำให้ใช้น้ำหนักตัวในการสร้างแรงกดแทนการใช้กำลังแขนหรือที่เรียกว่า "แรงที่ป่าเถื่อน" การสอนยังได้กล่าวถึงรายละเอียดปลีกย่อยของการวางตำแหน่งร่างกายและการปรับมุมขณะนวดบริเวณศีรษะและคอ รวมถึงการแทนที่จุดกดนวดที่คอจุดที่สี่แทนที่จุดหลังส่วนบนจุดที่หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงหลักการสำคัญของหยวนสือเตี่ยนในการจำแนกระหว่างอาการป่วยที่จุดปฐมเหตุ (ต่างที่) และอาการป่วยที่บริเวณความเสียหาย (ตำแหน่งเสียหาย) พร้อมเน้นย้ำว่าการใช้แหล่งพลังงานความร้อนภายนอกจะช่วยเร่งการฟื้นฟูอาการป่วยได้ดีขึ้น
20251028
การปฐมพยาบาลฉุกเฉินของหยวนสือเตี่ยน (Yuan Shi Dian) ซึ่งเน้นย้ำถึง ความสำคัญของตำแหน่งเสียหาย ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความเป็นและความตาย
20250921
ดูเพิ่มเติม 1 สรุปด้วยบทสนทนา 2 บทเรียน
แหล่งข้อมูลประกอบด้วยการซักถามและการตอบกลับเกี่ยวกับเด็กหญิงอายุ 13 เดือนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะแคระแกร็นและพัฒนาการล่าช้า ผู้เป็นแม่มีความกังวลเกี่ยวกับการตรวจทางการแพทย์แผนตะวันตกที่แนะนำ และถามเกี่ยวกับการรักษาด้วยหยวนสือเตี่ยน (Yuan Shi Dian) **คำตอบของอาสาสมัครและคำอธิบายเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหยวนสือเตี่ยน** ได้เน้นย้ำถึง**ปรัชญาที่ว่าอาการป่วยทั้งหมดเป็นผลมาจากการขาดพลังงานความร้อนในร่างกาย** โดยแนะนำให้ใช้วิธีการนวดจุดปฐมเหตุ การประคบร้อน และการบริโภคอาหารที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นแทนการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน **แหล่งข้อมูลเหล่านี้จึงสำรวจทางเลือกการรักษาภาวะเจริญเติบโตล่าช้าของเด็ก** โดยเปรียบเทียบมุมมองของการแพทย์แผนตะวันตกกับหลักการของหยวนสือเตี่ยน.
20250914
ดูเพิ่มเติม 1 สรุปแบบสั้น 2 บทเรียน
เน้นย้ำถึงรายละเอียดที่สำคัญในการหาตำแหน่งที่แม่นยำ, ท่าทางที่ถูกต้อง, และการใช้แรงกดนวดที่เหมาะสมสำหรับสะโพกส่วนบนและส่วนล่าง จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถกดนวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ, เข้าถึงจุดได้ง่าย, และผู้ป่วยรู้สึกสบาย
20250914
เทคนิคการนวดไหล่
การหาตำแหน่ง: อาจารย์อธิบายว่าสำหรับผู้ที่ฝึกฝนมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องคลำหาตำแหน่งกระดูกอย่างแม่นยำเสมอไป [01:06] แต่ให้วางมือในบริเวณที่ถูกต้องคือระหว่างแนวกระดูกสันหลังและขอบนอกของสะบัก [01:24]
เทคนิคการนวดข้อศอก
เปรียบเทียบกับมือ: อาจารย์ชี้ให้เห็นว่าการใช้ข้อศอกกดจะได้ผลดีกว่าการใช้มือกด [06:57] เนื่องจากสามารถลงน้ำหนักได้ลึกกว่า [07:54]
การพัฒนาเทคนิค: อาจารย์เล่าว่าเดิมมี 2 แนวการกดนวดที่จุดข้อศอก แต่เทคนิคล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนเป็นการกดแบบครอบคลุมทั้ง 2 แนวพร้อมกัน [08:55] เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเวลา [09:05]
20250907
1. มะเร็งไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย
เซลล์มะเร็งมีอยู่ในร่างกายทุกคนตามธรรมชาติ การตรวจพบหรือไม่พบไม่ใช่ตัวชี้วัดสุขภาพที่แท้จริง
ความรุนแรงของมะเร็งไม่ได้ขึ้นกับขนาดก้อนเนื้องอกหรือการลุกลาม แต่ขึ้นกับ "กำลังกาย" (พลังชีวิต) และ "พลังร้อน" ของร่างกาย
2. สาเหตุแท้จริงของมะเร็งตามหยวนสือเตี่ยน
กายป่วย (โครงสร้างร่างกายผิดปกติ) + ขาดพลังร้อน (พลังงานความอบอุ่นไม่เพียงพอ)
การรักษาตามการแพทย์แผนปัจจุบัน (เช่น เคมีบำบัด ผ่าตัด ฉายแสง) อาจทำลายพลังร้อนและกำลังกาย ส่งผลให้อาการแย่ลง
20250904
1. แนวคิดเรื่องพลังในการนวด (The Illusion of Force) [00:39]
กำลังแบบป่าเถื่อน (Brute Force): คือการใช้แรงจากกล้ามเนื้อแขน ซึ่งเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้ตามสัญชาตญาณ แต่ทำให้แรงกดตื้น ผู้ถูกนวดเจ็บ และคนนวดเหนื่อยง่าย
พลังจากธรรมชาติ (Natural Force): คือการปล่อยตัวสบายๆ และใช้น้ำหนักตัวเป็นหลัก ทำให้แรงกดลึกและมีประสิทธิภาพมากกว่า และปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ที่นวดและผู้ถูกนวด
20250902
สรุปประเด็นในคลิป
วิดีโอเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2018 ใกล้กับทะเลสาบทาโฮ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผู้บรรยายและคู่สมรสได้ช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งที่ล้มหมดสติลงกลางหิมะ [00:02]
20250901
อาการเริ่มต้นและการวินิจฉัย:
ส.ค. 2018 คุณเฉินมีอาการไม่สบาย ตรวจพบค่าเม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ (80,000+) และฮีโมโกลบินต่ำ (4)
แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอีลอยด์
ผลลัพธ์ที่ได้:
พ.ย. 2018 หยุดยาได้ทั้งหมด สุขภาพดีขึ้น กินได้ นอนหลับดี ขับถ่ายปกติ
มีแรงมากขึ้น สามารถออกกำลังกาย เดินเยอะขึ้น และทำงานจิตอาสา
เส้นเลือดขอดที่แข็งตัวเริ่มนิ่มลงจากการประคบอุ่น
ปัจจุบันสีหน้าสดใส สุขภาพและจิตใจดีขึ้นมาก
รู้สึกขอบคุณแนวทางหยวนสือเตี่ยนและการสนับสนุนจากจิตอาสา
20252829
🧠 มุมมองใหม่ในการรักษา
หยวนสือเตี่ยนเปลี่ยนแนวคิดจาก “การต่อสู้กับโรค” เป็น “การฟื้นฟูสุขภาพ” โดยเชื่อว่าร่างกายมีพลังฟื้นฟูในตัวเอง หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม....
20250826
มุมมองของหยวนสือเตี่ยนเกี่ยวกับมะเร็ง:
หยวนสือเตี่ยนเป็นแนวคิดทางการแพทย์ที่เน้นหลักปรัชญาจึงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยันได้ [01:02:01]
หยวนสือเตี่ยนมองว่ามะเร็งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เป็นภาวะที่สามารถจัดการได้ด้วยการชะลอความเสื่อมของร่างกายและส่งเสริมการฟื้นตัว [01:01:40]
ทุกคนมีเซลล์มะเร็ง แต่ไม่ได้พัฒนาเป็นโรคมะเร็งเสมอไป [01:02:38] บางคนอาจใช้ชีวิตอยู่กับเซลล์มะเร็งมานานหลายสิบปีโดยไม่รู้ตัว [01:02:45]
หยวนสือเตี่ยนมุ่งเน้นการช่วยให้ผู้คนเอาชนะมะเร็งได้ด้วยการเปลี่ยนความคิดและมุมมองต่อภาวะนี้ [01:03:07]
20250826
อาการของผู้ป่วย เช่น แน่นหน้าอก หอบ อ่อนแรง และวิตกกังวลเรื้อรัง แสดงถึง “กายป่วย” และ “ขาดพลังร้อน” ตามทฤษฎี YSD
แนวทางการรักษา YSD:
1. กดนวดจุดปฐมเหตุที่ศีรษะและหลังส่วนบน
2. ใช้การประคบร้อนบริเวณจุดดังกล่าว
3. ดื่มน้ำขิง เพิ่มพูนแหล่งพลังร้อนจากภายนอกและภายใน
4. ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ สัมผัสธรรมชาติ และไม่อดนอน
20250826
การตั้งคำถามเกี่ยวกับอาการ "ดื้อยา": ผู้พูดตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง "ดื้อยา" [03:11] พวกเขาให้เหตุผลว่าถ้ายาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้จริง คนที่ทานยาก็ควรจะหายดี แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เมื่อยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล แพทย์แผนปัจจุบันมักอ้างว่าแบคทีเรียดื้อยา [03:45] ผู้พูดมองว่าสิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล โดยเสนอว่าการที่ยาไม่มีผล ไม่ใช่เพราะแบคทีเรีย "จำ" ยาได้แล้ว "ดื้อ" แต่เป็นเพราะยาเองไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงของการหาย [06:03]
20250825
ปัญหาและอาการของคุณแม่วัย 77 ปี:
*มีเสมหะมาก ปัสสาวะมาก เหงื่อมาก กลัวหนาว และท้องเสียบ่อยๆ
*ต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นแม้ในอุณหภูมิห้อง 26-27 องศาเซลเซียส
*เหงื่อออกบ่อยจนต้องเปลี่ยนเสื้อ 3-4 ชุดต่อวัน
*มีน้ำมูกไหลและจามหากใส่เสื้อผ้าไม่พอ
*นอนบนที่นอนไฟฟ้าทุกคืน
*ดื่มน้ำขิงที่ใช้ขิงแห้ง 80 กรัมต้มรวมกับโสมตังเซียม (黨蔘) 80 กรัมทุกวัน
*ออกกำลังกายเป็นปกติและมีกำลังกายดี ....
20250823
ขิง: ยาอายุวัฒนะต้านมะเร็งและบำรุงสุขภาพ
แหล่งข้อมูลหลายแหล่งอธิบายถึงประโยชน์ของขิงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศักยภาพในการต้านมะเร็ง แหล่งที่มาหลักระบุว่าการบริโภคขิงเป็นประจำอาจลดความเสี่ยงมะเร็ง เนื่องจากขิงช่วยเพิ่มพลังงาน อุณหภูมิร่างกาย และภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงสรรพคุณมากมายของขิง เช่น การขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยระบบย่อยอาหาร แหล่งข้อมูลจาก AI เสริมว่าขิงมีสารออกฤทธิ์ เช่น gingerol และ shogaol ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ซึ่งอาจยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งในห้องทดลอง อย่างไรก็ตาม AI เน้นย้ำว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน 100% ว่าขิงสามารถป้องกันมะเร็งได้แน่นอนในมนุษย์ และควรเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพโดยรวม โดยแหล่งข้อมูลหนึ่งยังอธิบายถึงกระบวนการ Apoptosis (การตายของเซลล์ที่ถูกตั้งโปรแกรม) และ Autophagy (การย่อยสลายตัวเองของเซลล์) ซึ่งเป็นกลไกที่ขิงอาจมีอิทธิพลต่อเซลล์มะเร็ง.
20250815
ดูเพิ่ม : 1. เอกสารต้นฉบับ 2. คลิปบทสนทนา